วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

Europe Trip ; Paris Day 1, France็

ตื่นแต่เช้า เก็บของ ทานข้าวเช้าให้เรียบร้อย แล้วก



วันนี้ต้องเดินทางจากแฟรงเฟริ์ตไปปารีส






























































วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

Europe Trip Day 2 : Frankfurt-> Heidelberg

150907

หลังการเดินทางอันยาวนาน จากเชียงใหม่-กรุงเทพ-แฟรงเฟิร์ต จนมาที่หมายสุดท้ายของวันนี้ คือ ไฮเดลเบิร์ก ^^

Heidelberg เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็น อันดับที่ 5 ตั้งอยู่ในรัฐเด็น เวือร์เทมแบร์ก เนื่องจากสถาปัตยกรรมแบบบารอกและเรอเนซองส์ เมือง Heidelberg จึงถูกจัดเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในเยอรมนี 

Heidelberg ตั้งอยู่ทางตอนบนของรัฐบาเด็น เวือเทมแบร์ก(Baden Wuerttemberg)ใกล้กับเมืองแฟรงค์เฟิร์ตโดยห่างกันแค่ประมาณชั่วโมงครึ่งด้วยรถไฟ 
การเดินทางมาจากเมืองแฟรงค์เฟิร์ต มีสองทางง่ายๆคือ 
1.รถไฟด้วยรถไฟหัวจรวด (ICE) www.bahn.de -> เราเลือกใช้ทางนี้ และซื้อตั๋วรถไฟตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้ว
2. โดยรถCoach ของสายการบิน Lufthansa แต่ใครๆก็นั่งได้ ค่ารถประมาณ 20 ยูโรต่อเที่ยว หรือรถของบริษัทเอกชนอื่นๆ



โชคดี ที่รถไฟออกช้ากว่ากำหนดไป 20 นาที ทำให้เราไม่ตกรถไฟเที่ยวต่อจากแฟรงเฟิร์ตไปไฮเดลเบิร์ก
เพราะกว่าจะหาชานชลาขึ้นรถไฟถูก ก็ทำเอาเสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง
คราวหน้า ต้องหาเวลารถไฟให้ห่างกันหน่อย เกิน 30 นาทีก็ยังดี
เพราะไหนจะต้องยกกระเป๋า ลากกระเป๋า มองป้ายอีก 8 นาทีไม่ทันจริง ๆ 


นี่คือป้ายรถไฟขบวนเราจ้า คลาสสิคเสียไม่มี 55+


รถไฟนี้เป็นรถไฟธรรมดาไม่หรูหรา 
พอเราขึ้นรถไฟได้ ก็เข็นกระเป๋าไปเรื่อย ๆ เจอตู้เก็บของ ก็นั่งเลย พักเหนื่อยแป๊บหนึ่งก่อน 


วิวจากในรถไฟ


รถไฟจอดตามสถานีไปเรื่อย ๆ 


เกือบชั่วโมงผ่านไป และแล้วเราก็มาถึงเสียที สถานีรถไฟ Heidelberg Hbf  แค่เห็นด้านหลังโรงแรม น้ำตาพาลจะไหล
https://www.tourism-heidelberg.com/destination/tourist-information/index_eng.html


 ต่อไปก็เดินออกสถานี 




เป็นมุมจากด้านนอก ที่มองเข้าไปในชานชลา
1a-1b มันก็คือชานชลา 1 เหมือนกัน แต่แยกซ้ายขวานั่นเอง



ออกมาก็จะเจอตึกPrint media academy ที่อยู่ด้านหลัง พร้อมกับปฏิมากรรมเหล็ก 

เลี้ยวขวา จะมองเห็นโรงแรม Hotel ibis Heidelberg Hauptbahnhof 
http://www.accorhotels.com/th/hotel-1447-ibis-heidelberg-hauptbahnhof/index.shtml



เดินเลียบถนนมาผ่านแมคโดนัลด้วย




ถ่ายภาพกับโรงแรมเสียหน่อย


ราคาต่อคืนมีแจ้งไว้ที่ด้านหน้าโรงแรมเลย




ที่เขี่ยบุหรี่ (มั้ง) ในลิฟต์ในโรงแรม


ห้องเราอยู่ชั้น 2 ค่า






ซ้ายดีขวาดี 

ห้องน้ำค่อยข้างเล็กมากกกกกกกกกกกกกกกก

ประตูอยู่ตรงกลาง เปิดไปเจอห้องอาบน้ำอยู่ซ้าย อ่างล้างมืออยู่ตรงกลาง


โถนั่งอยู่ด้านขวา

ตู้กระจก

เตียง

ถ่ายจากหน้าต่างในห้อง เห็นบรรยากาศข้างนอก


หลังเช็คอิน เก็บของ แล้วเตรียมออกเที่ยวได้ 
ตอนเราไปถึง ฝนตกปรอย ๆ ตลอด นึกว่าจะเที่ยวไม่ได้ แต่พนักงานโรงแรมบอกว่า เที่ยวได้ 
ถ้าไม่มีร่มบอก ยืมร่มโรงแรมไป ...น่ารักจัง 
แต่เรามีร่ม+ เสื้อกันฝนมาพร้อมแล้วจ้า 555



ถ่ายรูปกับพนักงานรถไฟเสียหน่อย




อีกสักมุมแถวโรงแรม


ชอบเสาจริง ๆ คุณพ่อ




หลังสุดคือสถานีรถไฟ และหลังเราคือโรงแรม มีป้ายรถเมล์พาไปยังสถานที่ต่าง ๆ ของเมืองอื่น ๆ 



อยากไปเมืองไหนดูตารางโลด


มีบริการเยอะนะ


แต่เราไม่ได้ใช้เลย 55+


แมคโดนัลที่นี่ ไม่ได้แอ้มเงินฉันหรอก 5555+



ก่อนเดินทางก็ต้องมีตั๋วรถ ไปซื้อตั๋ววันกันที่ DB office มาถึงก็ได้กดคิวรอซื้อบัตร 1 วัน


นั่งรอเรียก เอ่อ คือเค้าไม่เรียกนะ จะมีเป็นเสียงติงนุง ๆ ให้เราหันไปมองคิวเองว่าหมายเลขไหน เคาน์เตอร์อะไรแล้วเดินไปหาเลย


หน้าตาเคาน์เตอร์


มีบริการส่งกระเป๋าด้วย...แต่ 2 วันนะ =='่ นานไปอ่ะ สำหรับตัวเรา


ออกตั๋วแล้วก็ไปหาของกินกันก่อน 


มีร้านอาหารไทยด้วยแต่ไม่ได้กินอ่าแพง


มื้อแรกของที่นี่คือ currywurst ค่ะ ^^ 
และก็กลายเป็นอาหารมื้อหลักของเรา 5555 เพราะโปรดมาก
ก็เหมือนกินไส้กรอก แล้วอาบด้วยซอส โรยด้วยผงกระหรี่นิดหน่อย กินกับขนมปังแข็ง ๆ 1 ก้อน



ซื้อติดด้วยไปด้วยทีเดียว 
กองทัพต้องเดินด้วยท้องสินะ



จากนั้นก็เดินออกนอกสถานี (คนละประตูกับที่ไปโรงแรม ไปโรงแรมออกประตูขวา ไปรถเมล์ตรงไปอีกนิดไม่รู้จะเรียกประตูกลาง หรือ ประตูซ้ายดี 55) ไปนั่งรถเมล์สาย 33

วิวเมือง



ที่นี่มีเก้าอี้คนถือไม้เท้าด้วย 


นั่งรถเมล์ผ่านในเมือง ขึ้นเขา มาสักพัก ก็จะผ่านสถานีรถกระเช้าที่เอาไว้ขึ้นปราสาท เลยสถานีนี้มานิดหน่อย รถเมล์ก็จอด แล้วเราก็เดินถ่ายรูปแถวนั้นก่อนเดินย้อนนิดหน่อย ก่อนเดินย้อนกลับไปขึ้นกระเช้าที่สถานี

วิวตรงที่รถเมล์จอด



อีกสักมุม

การขึ้นไปชมปราสาทมีได้สองทางคือ เดินขึ้น หรือนั่งกระเช้า แต่เนื่องจากเดินทางกับคนชรา การเดินขึ้นดูจะลำบากอยู่ไม่น้อย เลยเลือกวิธีนั่งกระเช้าค่ะ 
จากจัตุรัสKornmarkt เดินตรงเยื้องๆขึ้นไป ก็จะเห็นตึกที่มีสัญลักษณ์ของรถกระเช้าติดอยู่

นี่คือหน้าตาสถานีกระเช้าไฟฟ้าขึ้นปราสาท


เดินเข้าไปแล้วก็ซื้อตั๋วกระเช้าไปกลับ 



ติดต่อซื้อตั๋วแบบทุลักทุเล ซื้อแล้วเอาตั๋วไป ..ตื๊ด..ที่เครื่องข้างหน้า
แล้วก็รอรถรางมารับขึ้นเขาชมปราสาทโลด




รถรางมาแล้วค่า




เดินเข้าไปหาที่นั่งกัน
กล้องมันงง ๆ หน่อยน้า




รถรางวิ่งขึ้นแล้วค่า เร็วเชียว





โอ๊ะ ฝนตกเหรอ ฮิ้ววว เริ่มเห็นวิวแล้วอ่า ตื่นเต้น ๆ 
ตอนแรกเราคิดว่าจะขึ้นไปถึงสถานีบนสุด แต่กลายเป็นว่า ตั๋วที่เราซื้อตอนแรกมันไปไม่ถึง แล้วต้องซื้อเพิ่ม
และด้านบนนั้นก็ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่เลย
เราและนักท่องเที่ยวอีกหลายคน ก็งง ๆ กับชีวิตสักพัก เลยตัดสินใจนั่งรถกลับลงมาเที่ยวด้านล่างที่เป็นในส่วนของปราสาทต่อ

อันนี้ถ่ายรูปวิวสักหน่อย




ปราสาทไฮเดลแบร์ก สร้างจากหินทรายแดงที่จัดว่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบGothic Renaissance ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเยอรมนี สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 
อดีตที่นี่คือปราสาทที่พำนักของผู้ปกครองเมืองไฮเดลแบร์กกว่า 5 ศตวรรษ 
ในอาณาเขตของปราสาทจะแบ่งเป็นส่วนเข้าชมหลักๆ 
1.บริเวณสวนรอบปราสาท(Scholssgarten) 
2. ฮอลล์ที่เก็บถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 
3. พิพิธภัณฑ์เภสัชวิทยา (Deutsches Apothekenmuseum) 
4. King Hall(Koenigssaal) 

http://www.schloss-heidelberg.de/

ของในห้องขายของที่ระลึกด้านหน้าทางเข้า



เมื่อขึ้นรถกระเช้ามาจะอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของปราสาท เดินเข้าเขตสวนของปราสาทโดยผ่านประตูซุ้มโค้ง(Elizabethtor)



ดูวิวกันไป


ถ่ายกันรอบ ๆ 
ด้านหลังคือซากปรักหักพังที่เกิดขึ้นตามกาลเวลาของอาคารอังกฤษ(Englisherbau) อาคารหลักทางทิศตะวันตกสร้างในศตวรรษที่ 16, สงคราม30 ปี, สงครามภายในและจากฟ้าผ่า





เข้ามาในเขตของตัวปราสาท ทางหอนาฬิกาข้างบน
จะเห็นอาคารอิฐแดงแบบโกธิคเรอเนสซองค์สถาปัตยกรรมเยอรมันชั้นเยี่ยมอยู่หลายตึก
เรียงจากซ้ายไปขวา 
1. อาคารFriedrich 
2. อาคารOttheinrichesbau พระที่นั่งสไตล์เรอเนสซองค์ที่ยังสมบูรณ์อยู่ข้างกัน เนื่องจากสร้างทีหลังเพื่อน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เภสัชวิทยา (Deutsches Apothekenmuseum) 
3.อาคารลุกวิค ที่เก่าแก่เป็นอันดับสองของปราสาทนี้


เราเข้ามาจากรูกำแพงซ้ายมือ











ปราสาท



เชิญชมวิวโดยรอบ


วิวสวยมากอ่า



มีคณะทัวร์มาเยอะมาก

ปราสาทสวย


ขวามือคือ 
โครงของอาคาร Lugwig สิ่งก่อสร้างเก่าแก่อันดับสอง 
เดี๋ยวเราจะเดินลอดรูกำแพงโค้ง ๆ นั้นไปดูวิวกัน 
ถ้าอยากดูไวน์ จะมีทางเข้าด้านซ้ายมือ ก่อนถึงประตูโค้ง ๆ 







วิวจากด้านบน









มุมล่างจากบนลานกว้างข้างปราสาท





ลงมาห้องไวน์



ถ้าสนใจก็สั่งกันได้ แต่ไม่ดื่มทั้งพ่อทั้งลูก ผ่านค่า
รายการไวน์



หลังดูวิวด้านนอก ก็เข้ามาภายในปราสาท
เพื่อไปชมถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 
เค้าว่าอดีตผู้ปกครองเมืองท่านคาร์ล ทีโอดอร์ (Elector Karl Theodor) ให้สร้างถังไวน์ขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเอาไว้เก็บภาษีไวน์ที่ได้มาจากชาวบ้าน ถังไวน์นี้สูงถึง 7 เมตร กว้าง 8 เมตรและเก็บไวน์ได้ถึง 220,000ลิตร 

ในนี้ถังไวน์เยอะมาก




 ถ่ายรูปสนุกเลย



มีด้านล่างอีกนะ


สักขวดไหม ป๊ากล่าว 55+

 










ดูหมดแล้วก็ย้อนออกมาที่ลานกว้่างในตอนแรก



เดินออกมา จากประตูตรงหอนาฬิกาแล้วก็ไปถ่ายรูปกับวิวอีกหน่อย







ดูหมดแล้ว เตรียมตัวลงดีกว่า



อยากกินแต่หนาวเกินไปอ่า


อยากกดกลับบ้านเป็นที่ระลึกจริง ๆ 


ตรงไหนก็มีแผนที่ให้ดู ไม่ต้องกลัวหลง



ถ้าไม่ได้ซื้อตั๋วไปกลับขึ้นมา ก็มาซื้อข้างบนได้


คืออะไรเอ่ย
จะลงแล้วน้า




ดูวิวเสร็จก็ลงเขามาเดินแม่น้ำต่อ


ออกจากสถานีมา จะเป็นถนนเล็ก ๆ ก็ข้ามถนนแล้วเดินไปทางซ้าย
แยกแรกให้เลี้ยวขวา เข้ามาในถนนเล็ก ๆ เดินมาสักพัก จะโผล่สัก platz 
มีร้านเต็มเลย


เดินดูของไปเรื่อย ๆ 


ดูวิวไป เดินไป







ถ่ายรูปไป




แล้วก็ถ่าย ๆ ไป
















หนาวจริง ๆ น้า บนเก้าอี้ยังมีผ้าห่มให้ลูกค้าเลย


ที่ระลึกยอดนิยม ถูกพกพาง่าย


จากนั้น เดินผ่าน แล้วอ้อมโดมสีแดงใหญ่ ๆ จะเป็นทางบังคับให้เลี้ยวขวา

เจอร้านอาหารไทยหลายแห่งเลย


จากจุดนี้เราก็จะมองเห็น สะพาน alte bruck หรือ old bridge 



ต่อไป เป็นการถ่าย 4 ชีอต

1. หันหน้าหาปราสาท

2. หันหลังให้ปราสาท

3. หันด้านซ้าย


4. สุดท้ายหันด้านขวา


ครบแล้ว...กลับได้ 555+





จากนั้นเราก็เดินย้อนกลับเข้าถนน hauptstraße
http://www.heidelberg.de/english,Len/Home/Service/City+Map.html

หิวแล้ว แวะกินอะไรสักหน่อย
คิดถึงอาหารบ้านเราแล้ว นี่พึ่งมาถึงได้วันเดียวเอง เลยต้องกินเส้นผัดให้หายคิดถึง
รสชาด อย่าไปพูดถึงเลย T_T ส่วนราคา ยิ่งโหด 
แต่ไปเที่ยวนะ อย่าไปคิดมาก 55+
กินอิ่มแล้วเดินต่อโลด


 ก่อนจ่ายเงินทุกครั้ง เราจะเอาเหรียญที่มีมานับไว้ก่อน ไม่อยากให้พนักงานเค้ารอ เพราะก่อนที่จะสั่งอาหาร เราก็รู้ราคาอาหารก่อนอยู่แล้วนี่นา ^_^



เห็นร้านนี้คนเยอะดี แวะเข้าไปดูหน่อยมีอะไรดี


มันคือขนม


อะไรหว่า


ซื้อมา 1 อัน ป๊ากินหมดเลย 555+

เหมือนเอาครองแครงจืด ๆ ทอดกรอบแต่ไม่กรอบมาติดกันเป็นก้อนกลม แล้วก็โรยเป็นรสต่าง ๆ ให้ลูกค้ามาเลือก





เดินต่อ







มีอะไรให้ดูให้กินเยอะไปหมด

อุ๊ย เจออะไรอีกแล้ว


กินติมไหม ถูกสุดลูกละ 1 ยูโร แต่...ลูกเล็กมากนะ T_T



ขนมก็ยังไม่หมด ไอติมก็รอต่อแล้วจ้า ความสุขของพ่อ 55+


ว่าง ๆ ดูหมาคุยกัน


พิซซ่าก็มา ก็อร่อย แต่แข็ง



พิซซ่าก็มา ก็อร่อย แต่แข็ง






เดินเล่นสักพัก ก็เดินย้อนไปทาง Haupstrass จนถึงถนนที่มีรถเมล์วิ่งผ่าน ก็เดินหาป้ายที่มีสาย 33 แล้วก็ดูที่ป้ายนั้นว่าไป hbf ไหม 

พอเจอ ก็โดดขึ้นรถ กลับโรงแรม นอน ^^


ปิดทริปวันที่ 2 ค่า
พรุ่งนี้จะไปสตู้ทการ์ด พาพ่อไปดูรถอย่างเดียวเลยค่า







credit : http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11800764/E11800764.html