วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

.......................................


จุง....การที่เราถูกจับผิด เป็นเรื่องดี หรือ ไม่ดีกันแน่
เราควรรู้สึกผิดที่ถูกจับผิด หรือ
เราควรรู้สึกดีที่ถูกจับผิด หรือ
เราไม่ควรรู้สึกรู้สาที่ถูกจับผิด
ไม่ว่ายังไง เราก็จะต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ใช่ไหม
เราต้องเข้มแข็งใช่ไหม
ฉันต้องเข้มแข็ง สู้ ๆ อาจา

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

SlotMachine At RoteYiamNimmarn


พวกพี่ ๆ น่ารักมากค่ะ ว่าง ๆ เรามาด้นภาษาญี่ปุ่นกันอีกนะ

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เทพบุตรน้อย ๆ ของฉัน




ขอบคุณพี่หวี แห่งLYH @ pantip...




************ทุกครั้งที่ถาม คิมฮยอนจุง ถึงเรื่องครอบครัว เขามักตอบเสมอว่า ตัวเองเป็นเด็กดื้อ และไม่ค่อยแสดงความรักกับคนในครอบครัวเท่าไหร่ แต่เชื่อหรือไม่ว่าไม่นานมานี้ เด็กดื้อคนนี้แอบไปร้องไห้อยู่ในห้องน้ำเพราะสงสารแม่


คุณชองยอนมี คุณแม่แท้ๆของ ฮยอนจุง ได้เปิดใจถึงลูกชายสุดที่รักว่า "ฮยอนจุง เป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่เขามีจิตใจละเอียดอ่อนมาก


หลายวัยก่อนเขากลับมาบ้าน แล้วก็วางถุงเครื่องสำอางไว้บนโต๊ะอาหาร ตอนนั้นแม่ไม่รู้ว่าเขาเอาของพวกนั้นมาทำไมก็เลยลองถามไปฮยอนจุง ก็ตอบว่า 'ผมซื้อเอามาให้แม่ใช้ฮะ หลังจากนี้แม่จะเลิกขายของที่ตลาดได้มั้ยฮะ'


สีหน้าตอนที่เขาพูดนั้นจริงจังมาก จากนั้นคุณแม่ก็เล่าต่อว่า จากนั้นแม่ก็เลยโทรไปปรึกษาคุณอาที่สนิทกับ ฮยอนจุง มากๆ ว่าควรทำอย่างไรดี อาของเขาเลยเล่าให้ฟังว่า เมื่อหลายวันก่อนฮยอนจุงมาหา เขาบอกว่าเห็นใบหน้าของแม่มีริ้วรอยเต็มไปหมด มันทำให้เขาปวดใจจนแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำ ...


ได้ยินแล้วแม่ปวดใจมาก คิดอยู่เหมือนกันว่าจะเลิกขายเสื้อผ้าที่ตลาดทงแดมุนดีมั้ย




"ก่อนหน้าที่จะมาเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ทงแดมุน พ่อกับแม่ของ ฮยอนจุง เคยมีกิจการส่วนตัวแต่ก็ต้องปิดกิจการไปช่วงวิกฤต IMF พอเห็นพ่อแม่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ


คิมฮยอนจุง จึงตัดสินใจลาออกจากไฮสคูลและทำงานหารายได้พิเศษให้ครอบครัว ไปพร้อมๆกับเตรียมตัวเป็นนักร้อง


ซึ่งคุณแม่ชองยอนมี ยังบอกอีกว่า "แม่คิดเสมอตั้งแต่เขายังเล็กๆ ว่าแม่จะต้องเลี้ยงเขาให้เป็นเด็กที่เข้มแข็งและมีความรับผิดชอบลูกชายของแม่ทำงานพิเศษยันสว่างเสมอ ทุกๆคืนแม่กับพ่อจะต้องแอบไปดูฮยอนจุง ที่ร้านอาหารที่เขาทำงาน จากนั้นก็ร้องไห้ พอกลับมาถึงบ้านก็จะเปิดไฟรอ ฮยอนจุงกลับบ้านแต่พอเขาใกล้จะถึงบ้านก็จะปิดไฟแล้วแกล้งทำเป็นนอนหลับ"




นอกจาก ฮยอนจุง จะกตัญญูต่อคุณแม่แล้ว กับคุณพ่อก็ไม่ต่างกันเลย เพราะเขายังเก็บหอมรอมริบซื้อรถยนต์ เป็นของขวัญให้คุณพ่อแทนรถคันเก่าที่ขับมากว่า 10 ปีด้วย แถมยังเก็บเงินส่งพี่ชาย ไปเรียนต่อต่างประเทศอีก...




รับไปเลยรางวัลลูกกตัญญูปี 2009







"กับเบื้องหน้าที่ต้องเอนเตอร์เทนคนมากมาย เป็นที่หมายปองของใครหลาย ๆ คน


ไม่รู้มาก่อนว่าพื้นหลังที่ต้องฟันฝ่าเยอะมากเหลือเกิน


แต่เค้าก็ทำได้ดีที่สุดจนถึงทุกคนนี้ มันเป็นมากกว่าความภูมิใจ


มุมมองที่มีต่อดาราผู้ชายคนหนึ่ง เปลี่ยนไป


ทำดีต่อไปนะน้อง แม้ว่าหนทางจะยาก และหนักแค่ไหน แต่ยังมีคนให้กำลังใจเกือบล้นโลก



ว่าแต่...เมื่อไหร่จะยกเลิกการเลื่อนมาเมืองไทยสักทีอ่ะ...พี่เคว้ง _ _ "


วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

มาดูแล "ไต" ของเรากันเถอะ

อย่าเข้าใจว่า ขอบตาดำ เกิดจากนอนน้อย นอนดึก เท่านั้น

ร่างกายจะมีสัญญาณบอกความผิดปกติ ที่เกิดขึ้นเสมอ แต่เราไม่เข้าใจ

ไตทำหน้าที่กรองของเสียในร่างกาย ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในหน้าที่หลายๆ อย่างของไต

คนยุคปัจจุบัน ทำร้ายไตตัวเองโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่ากินอาหารที่ปรุงแต่งมากเกินไป ( เค็ม-มัน- เผ็ดมาก ฟาสฟู้ด-อาหารสำเร็จรูป – แช่แข็ง-อาหารอุตสาหกรรม ฯลฯ ) ร่างกายเสียสมดุล อีกทั้งการใช้ชีวิตที่ไม่สอดคล้องกับเวลาที่ถูกต้อง นอนน้อยเกิน นอนมากเกิน นอนไม่เป็นเวลา ไม่ออกกำลังกาย ( รวมถึงออกกำลังไม่เหมาะกับสภาพร่างกายตัวเอง) เครียดมาก กดดันมาก รีบเร่งมาก ฯลฯ

คนยุคปัจจุบัน มีแนวโน้มที่จะไตเสื่อมมากขึ้น และให้สังเกตร่างกายตัวเองดังต่อไปนี้
1. อ่อนเพลียบ่อย ขาดความกระตือรือร้น
2. นอนไม่ค่อยหลับ หรือ หลับไม่สนิท
3. ปัสสาวะบ่อย หรือ กะปริดกะปรอย
4. ปวดตามตัว เป็นตะคริวบ่อย
5. จาม คัดจมูก เป็นหวัดง่าย
6. ซึมเศร้า ปวดหัวง่าย ขี้ลืม ขี้วิตกกังวล
7. หย่อนสมรรถภาพทางเพศ หลั่งเร็ว ประจำเดือนไม่ปกติ
8. ขอบตาดำคล้ำ ผมหงอก ผมร่วงก่อนวัย จริงๆมีเยอะกว่านี้

อะไรบ้างที่ทำให้ไตเราเสื่อม
1. ใช้ชีวิตขาดสมดุล : น้อยไม่พอ ทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ เที่ยวกลางคืนหนัก หมกมุ่นความบันเทิง ฯลฯ 2. เพศสัมพันธ์ : มีเพศสัมพันธ์มากเกินควร ทำให้ร่างกายเสียพลังโดยเปล่าประโยชน์ และไตจะอ่อนแอลง
3. การทานยารักษาโรคนานๆ หรือปริมาณที่มาก : ทั้งยาแก้ปวด ยาคุมฯ ยาแก้หวัด แก้ไอ แก้เครียด ซึ่งแม้โรคจะหายแต่ไตจะมีเคมีของยาตกค้างอยู่

การแก้ไข
ง่ายสุด คือ ปรับพฤติกรรมตัวเอง ทั้ง การนอน การกิน การอยู่ หนึ่งวันมี 24 ชม.
ให้แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนละ 8 ชั่วโมง
ทำงาน 8 ชั่วโมง
ส่วนตัว 8 ชั่วโมง (เที่ยว พักผ่อน ดูทีวี สันทนาการ ออกกำลังกาย)
นอน 8 ชั่วโมง

มีข้อแนะนำ ดังนี้
1. ปรับวิธีการออกกำลังกาย แอโรบิคก็เป็นการออกกำลังที่ดี แต่ช่วงที่ร่างกายขาดสมดุล จึงไม่แนะนำให้เล่นต่อ เพราะอาจทำให้คุณสูญพลังมากขึ้น อยากให้คุณฝึกโยคะกับครูผู้ชำนาญ ซึ่งหาเรียนได้ไม่ยากในเวลานี้ ( ห้ามฝึกเองจากหนังสือ หรือ ซีดีเด็ดขาดนะครับ จะเสียมากกว่าได้ ) การฝึกโยคะ ไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เรื่องความสวยงาม แต่เป็นการปรับสมดุลของระบบภายในร่างกาย ช่วยฟื้นฟูสภาวะที่ผันแปรต่างๆให้เข้าที่ แต่ต้องฝึกอย่างมีวินัย และมีสมาธิ นอกจากนี้ หากมีฝึก ชี่กง ควบคู่ไปด้วย จะเห็นผลดี และเร็วขึ้น หากรู้สึกว่า ยากหรือห่างตัวเกินไป ก็ให้เลือกการว่ายน้ำ โดยว่ายอย่างเบาๆ แต่ต่อเนื่อง ในเวลาที่พอสมควร ( เหนื่อยให้หยุดพัก ห้ามฝืนต่อ ) คุณไม่ได้ไปแข่งกับใคร คุณกำลังบำบัดตัวเอง
2. ปรับอาหาร : งดเนื้อสัตว์ย่อยยาก วัว หมู ไก่ เป็ด ของเผ็ด ของเย็น (ไอสครีม น้ำแข็ง ) ของมัน ของทอด ให้ทานปลาทดแทน และทานผักสด ที่ปรุงน้อย (เช่นสลัด)มากขึ้น ทานพวกถั่วแดง งาดำ ข้าวโพด ข้าวกล้อง ดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิปกติ (ห้ามดื่มน้ำเย็น) และงดเครื่องดื่มของมึนเมา น้ำอัดลม นม น้ำอุตสาหกรรม (ชาเขียว ชาขาว เครื่องดื่มบำรุงกำลัง)
3. อยู่ห้องแอร์ให้น้อยลง อยู่หน้าจอคอม จอโทรทัศน์ให้น้อยลง หาเวลาอยู่กับธรรมชาติมากขึ้น (เดินเท้าเปล่าในสนามหญ้าได้จะดีมาก)

อาการไตเสื่อมจะเกิดใน 2 ลักษณะ แยกเป็น ไตหยิน กับ ไตหยาง

อาการไตหยาง หรือ ไตหดตัวแน่น
- นอนไม่หลับ หรือ หลับๆตื่นๆ - นอนกัดฟัน ฝันร้ายบ่อย - อสุจิเคลื่อนตอนนอน - เป็นเหน็บชาบ่อย ฯลฯ
โดยมีสาเหตุมาจาก
1. กินรสเค็มจัด หรือ เนื้อย่าง ปิ้งไฟ หรือ พวกเนื้อแห้ง แดดเดียวบ่อยๆ
2. การทำงาน หรือ การใช้ชีวิตที่ขาดระเบียบ
3. การนั่งทำงานหรือ นั่งรถนาน

ส่วนอีกลักษณะคือ ไตหยิน หรือ ไตคลาย
- เฉื่อยชา เกียจคร้าน - ความต้องการทางเพศต่ำลง - ปวดเมื่อหลัง เอว - ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะกลางคืน - นอนตื่นสาย ไม่อยากตื่น - อารมณ์อ่อนไหวง่าย - ขี้หูมาก - เหงื่อออกเยอะผิดปกติ ตามปกติแล้ว กลางคืน ไต ซึ่งเป็นอวัยวะธาตุน้ำ หรือ "หยิน" จะทำงานมากกว่ากลางวัน ( สังเกตว่าตื่นเช้าเราจะปวดปัสสาวะก่อนเป็นอันดับแรก) ดังนั้น เมื่อเราใช้ชีวิตที่เพิ่มปัจจัย "หยิน" ในชีวิตประจำวันมากจนเกินดุล ไตจึงยิ่งทำงานหนักขึ้น (อาการหยินที่เกิด เช่น ขี้เกียจ อยากนอนตลอดเวลา ปัสสาวะบ่อย เซื่องซึม สีหน้าซีดเซียว ขอบตาคล้ำ หงุดหงิดขี้รำคาญ เป็นต้น)

การใช้ชีวิตที่ไปเพิ่มปัจจัยหยินได้แก่
- การดื่มน้ำเย็นเป็นนิสัย รวมทั้ง น้ำแข็ง ไอสกรีม หวานเย็น และอาหารลักษณะนี้
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ - การสวมใส่เสื้อผ้าใยสังเคราะห์ ซึ่งมีไฟฟ้าสถิตย์
- การอาศัยอยู่ในที่เย็นนานๆ เช่น ห้องแอร์ ควรหาเวลาเดินไปข้างนอกเปลี่ยนอากาศบ้าง หรือ ใส่เสื้อแจ็คเก็ต ( ควรเป็นผ้าธรรมชาติ เช่น คอตตอน ) และ หาโอกาสออกกำลังกายกลางแจ้งบ้าง สำหรับคนนอนห้องแอร์ ควรสวมเสื้อผ้า ห่มผ้าให้อบอุ่น - การนั่งรถนานๆ โดยเฉพาะบนเส้นทางที่รถติดมากๆ ยิ่งเพิ่มปัจจัยหยินมากขึ้น
- นอนไม่เป็นเวลา ทำงานไม่เป็นเวลา นอนน้อย หรือ นอนผิดเวลา
สำหรับคนที่นอน และ ทำงานผิดเวลา ตามหลักวงจรธรรมชาตินั้น กลางวัน คือ เวลาสำหรับ ทำงาน เรียนหนังสือ กลางคืน คือ สำหรับพักผ่อน นอนหลับ ( หยางเคลื่อนไหว หยินสงบนิ่ง) การใช้ชีวิตที่ผิดวงจรนั้น จะส่งผลถึงสุขภาพร่างกาย และจิตใจ อย่างแน่นอน แม้จะยังไม่แสดงตัวออกมาอย่างเต็มที่ นั่นเพราะ ตัวคุณมี " ทุน" ที่ยังค้ำยันอยู่ แต่ ทุนจะหมด เพราะการใช้ชีวิตที่ผิดสะสม

อาหารที่ควรเลือกรับประทานเป็นหลัก ได้แก่
1. ข้าวกล้อง 2. สาหร่ายทะเล 3. ถั่วแดง ผักสด ผลไม้ไม่หวานและ น้ำน้อย 4. เต้าเจี้ยว

หลีกเลี่ยง การใช้ชีวิต ดังนี้
1. การใส่รองเท้าส้นสูง
2. การนั่งหรือนอนบนเก้าอี้ที่แข็ง หรือ นุ่มเกินไปผิดรูปกายภาพ (เก้าอี้ หรือ เตียง ดีไซน์เก๋ๆ ที่นิยมกันในหมู่คนรุ่นใหม่) ควรเลือกแบบที่ไม่แข็ง ไม่นุ่ม กำลังดี อย่างที่นอนใยมะพร้าว

การใช้ชีวิตที่ควรปรับเพิ่ม
1. พยายามอย่านั่งหลังงอ
2. อย่านั่งนานๆ หรือ อย่าอยู่อย่างเฉื่อยชานานๆ นึกขึ้นได้ให้ขยับตัว เคลื่อนไหว เปลี่ยนอิริยาบถ

ขอบคุณ Fw Mail คร้า

การเดินทางสู่แดนปลาดิบ


เริ่มเรื่องเมื่อไหร่ ไม่รู้


รู้แต่ตอนนี้เรื่องเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง


เลยอยากเขียนขั้นตอนเก็บไว้ เผื่อจะได้ใช้อีกรอบ...ซึ่งจะเป็นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้


เอกสารใช้ประกอบการขอวีซ่า เพื่อการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น



1.หนังสือเดินทาง (ในวันยื่นขอวีซ่ามีอายุใช้งานเหลืออย่างน้อย 6 เดือนและมีหน้าว่าง ที่ไม่มีตราประทับมากกว่า 2 หน้าขึ้นไป

2.หนังสือเดินทางเล่มเก่า

3. ใบคำร้องขอวีซ่า 1 ใบ

4. รูปถ่าย (ขนาด 2 x 2 นิ้ว สีหรือขาวดำ ฉากสีขาว) 1ใบ

5. ทะเบียนบ้าน ฉบับจริงและสำเนา 1 ชุด
6. ทะเบียนการค้าจากกระทรวงพาณิชย์ (ของปะป๊า)

7. หนังสือรับรองการ ระบุตำแหน่ง วันเริ่ม เงินเดือน และวันลา (ของตัวเก่า)

8. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร (ของผู้ยื่นคำร้องหรือของผู้อุปการะ) ฉบับจริงและสำเนา (ทุกหน้า)1 ชุด

9. รูปถ่ายร้าน

ไปยื่นที่กงสุล ช่วงเช้า ไปกันวันจันทร์ที่ 24 สิงหา 52 ตอนเช้า


ไปรับบ่ายวันพุธที่ 26 ด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ แต่สุดท้ายก็ได้มาในครอบครอง ฮู้ เร้....



ต่อไปคือการเตรียมงานวางแผนแอ่วววว เจ้า


การทดลองครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต


เป็นครั้งแรกกับการทำอะไรแบบนี้


ใช่สิ...เหมือนนกน้อยที่พึ่งก้าวออกสู่โลกไซเบอร์อันกว้างใหญ่


ใจหนึ่งก็กลัว....คนจะรู้เรื่องของเรา



ใจหนึ่งก็อยาก...ถ่ายทอดสิ่งของเราเก็บไว้ให้เราอ่านได้อีกในอนาคต



ซึ่ง....



ถ้าไม่หาที่ไว้ แล้วจะเอาไปไว้ที่ไหนได้หล่ะ...เนอะ