Frau แปลว่าผู้หญิง
Jungfrau จึงแปลว่า เด็กผู้หญิง (มั้ง55)
จุงเฟราวเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของยุโรป มีความสูง 4,158 เมตร (13,642 ฟุต) เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความงาม ได้รับการยกย่องว่า เป็น Top of Europe
ยอดเขาจุงเฟรา มีจุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรปแห่งนี้ มองเห็นได้กว้างไกลที่สุด ณ จุด 3,571 เมตร มีถ้ำน้ำแข็งที่แกะสลักให้สวยงามอยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร สัมผัสกับภาพของธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ยาวถึง 22 กิโลเมตร และหนา 700 เมตรโดยไม่เคยละลาย บนยอดเขา และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่นิยมของนักสกีมาเล่นกีฬาที่ท้าทายที่นี่ การขึ้นสู่ยอดเขาจุงเฟราสามารถทำได้โดยใช้รถไฟสายกลาเซียร์ เอ๊กซ์เพรส(Glacier Express) รถไฟด่วนที่วิ่งช้าที่สุดในโลก วิ่งผ่านภูมิประเทศที่งดงามของเทือกเขาแอลป์ ผ่านอุโมงค์และสะพาน ตลอดเส้นทางปกคลุมด้วยหิมะ เริ่มต้นได้จากสองสถานีคือ Grindelwald หรือ Lauterbrunnen ผ่านสถานี Kleine Scheidegg และ Eigergletscher ก่อนจะขึ้นสู่สองสถานีที่เหลือโดยจะหยุดแวะพักเพียงสถานีละประมาณ 5 นาทีเท่านั้น คือสถานี Eigerwand (ฝั่งด้านเหนือของ ยอดเขา Eiger) และ Eismeer (ทางทิศใต้) ณ จุดสูงสุดคือลานน้ำแข็งขนาดใหญ่เรียกว่า Sphinx จุดที่น่าสนใจอีกแห่งคือธารน้ำแข็งที่อยู่ลึก 30 เมตรจากพื้นผิว ซึ่งได้รับการแกะสลักให้สวยงาม
http://www.jungfrau.ch/en/
ก่อนหน้าที่จะขึ้นจุงฟรา เราควรสำรวจอากาศจาก Live camera ซึ่งเราสามารถดูได้จากเวบไซด์หลัก หรือ ของเรานี่ดูจากที่พัก
วันนี้ก่อนที่เราจะซื้อตั๋ว พนักงานบอกว่า อากาศอึมครึมนะ แต่คิดว่า สักเที่ยง น่าจะมีพระอาทิตย์ส่องให้เห็น เพราะฉะนั้น
เลยขายตั๋วให้เราขึ้นไป
แต่ซื้อที่นี่ ไม่ได้ booklet เป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆที่เค้าจะได้กันตอนที่ซื้อตั๋วอ่ะ เสียใจ
หลังได้ตั๋วจากที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มเดินทางได้เลย
เริ่มกันที่อาหารเช้ามื้อแรกของที่นี่
ซึ่ง ก็จะเหมือนกันทุกวัน T_T
นี่คือตารางเวลาของเรา ซึ่ง ก็ไปขอจากสถานีก่อนเราจะมานี่เอง 55+
ไม่เคยจะเตรียมตัวไรเลย
จะไปขบวนนี้น้า
ถ่ายวิว
รอรถมา ถ่ายรูปหน่อย
รถไฟมาแล้ว แล้วก็ต้องแย่งชิงกันพอสมควร
เนื่องจากมีทั้งทัวร์ไทย และจีน ที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ขึ้นก่อน แล้วก็กินไปหลายขบวน แล้วก็ไม่ให้เราเข้าไปในขบวนเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่มีที่เหลือเฟือให้เข้าไปนั่งด้วย
รวมถึงไกด์ไทยด้วย
เห็นเราเป็นคนไทยเหมือนกัน ก็ไม่ใช่จะเอื้อเฟื้อนะ นี่งงมาก
ช่างเถิด สุดท้ายเราก็ได้เข้าไป แล้วก็มีชาวสวิตที่ไปด้วยกัน ลุกให้ป๊านั่ง น่ารักจัง
อ่อ เจอน้องคนไทย 2 คน อัธยาศัยดีมาก คุยกันไปจนถึงจุงเฟรา แล้วก็แยกกัน
เริ่มเห็นความหนาวเป็นหย่อม ๆ
แวะเปลี่ยนที่สุดท้ายแบบงง ๆ
ต้องวิ่งไปตามลูกศร เหมือนวิ่งแข่งอ่ะ เพราะรู้ว่า ทัวร์อีก 2 ทัวร์เมื่อกี้ต้องแย่งที่นั่ง
แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
แม้เราจะขึ้นก่อน แต่ก็ถูกไล่เหมือนพวกอพยพหนีเข้าเมือง แล้วแอบขึ้นรถไฟมา
สุดท้ายเรา 4 คน เลยถูกไล่ไปเรื่อย ๆ จนไปถึงตู้หน้าหลังคนขับ ซึ่ง โอ่โถงมาก ชอบ ๆ
ขอบคุณที่ไล่เรา
นั่งรถไฟมาถึง Mürren BLM ก็มองหาสถานีกระเช้าขึ้นเขา
มองตามป้าย แล้วเดิน ๆ ขึ้นไป
ก่อนหน้าที่จะขึ้นจุงฟรา เราควรสำรวจอากาศจาก Live camera ซึ่งเราสามารถดูได้จากเวบไซด์หลัก หรือ ของเรานี่ดูจากที่พัก
วันนี้ก่อนที่เราจะซื้อตั๋ว พนักงานบอกว่า อากาศอึมครึมนะ แต่คิดว่า สักเที่ยง น่าจะมีพระอาทิตย์ส่องให้เห็น เพราะฉะนั้น
เลยขายตั๋วให้เราขึ้นไป
แต่ซื้อที่นี่ ไม่ได้ booklet เป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆที่เค้าจะได้กันตอนที่ซื้อตั๋วอ่ะ เสียใจ
หลังได้ตั๋วจากที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มเดินทางได้เลย
เริ่มกันที่อาหารเช้ามื้อแรกของที่นี่
ซึ่ง ก็จะเหมือนกันทุกวัน T_T
ตอนเช็คเอ้าท์ เราต้องเอาผ้าปูเตียง+ปลอกหมอน ไปเก็บเอง
จะมีคนมาทำความสะอาดให้แค่ในห้องน้ำ หรือพื้น แต่จะไม่ทำแบบ full option เหมือนในโรงแรมนะ
ขยะต้องเอาไปทิ้งเอง T_T
พักที่ถูกต้องทำใจ แต่เราก็เผื่อทุกอย่างมาหมดแล้ว เลยไม่ค่อยเป็นอะไร
แต่คุณพ่อนี่สิ ติดทีวี บ่นตลอดเลย
เปิดมือถือให้ดูในห้องก็ไม่ได้ ไม่มีเน็ต น่าสงสาร
เลยอาศัย พาออกไปเดินเล่นรอบโรงแรมบ่อย ๆ หน่อย
กินข้าวเสร็จ เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วก็ ออกเดินทางได้
ตอนนี้ คือเดินทางจาก Interlaken Ost ไป Grindelwald
ที่จริง คือขบวนเดียวกัน แต่แบ่งครึ่งบน กับครึ่งล่าง เดี๋ยวพอวิ่งไปสักพัก ตรงกลางจะแยกขบวนออก
หัวขบวน ก็ยังเป็นหัวขบวน แต่ท้ายขบวนก็จะกลายเป็นอีกหัวขบวน
ใครจะไปไหน ก็เตรียมตัวขึ้นให้ถูกขบวน
เราจะไปทางนี้จ้า
นี่คือตารางเวลาของเรา ซึ่ง ก็ไปขอจากสถานีก่อนเราจะมานี่เอง 55+
ไม่เคยจะเตรียมตัวไรเลย
จากรูปจะเห็นว่าเราต้องเปลี่ยนขบวนทั้งหมด 2 ครั้ง เก็บตั๋วไว้ให้ดี ๆ
เราวางแผนว่า จะกลับประมาณบ่าย 2 แต่จริง ๆ นั้น T_T
จะไปขบวนนี้น้า
ถ่ายวิว
ถึงแล้ว Grindelwald รอต่อรถไฟไป kleine scheidegg
ที่นี่ งง ๆ นิดหน่อย เพราะมีแค่ 2 ชานชลา แล้วก็งงว่าจะไปทางไหน
ถามสิคะ 5555+
นักท่องเที่ยวชาวาตะวันตกเท่านั้นที่เราจะถาม แล้วก็ได้ความว่า รอที่นี่ค่า
รอรถมา ถ่ายรูปหน่อย
เค้าบอกว่า จะเอาหมาไปเดินเล่นบนภูเขา ^^
รถไฟมาแล้ว แล้วก็ต้องแย่งชิงกันพอสมควร
เนื่องจากมีทั้งทัวร์ไทย และจีน ที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ขึ้นก่อน แล้วก็กินไปหลายขบวน แล้วก็ไม่ให้เราเข้าไปในขบวนเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่มีที่เหลือเฟือให้เข้าไปนั่งด้วย
รวมถึงไกด์ไทยด้วย
เห็นเราเป็นคนไทยเหมือนกัน ก็ไม่ใช่จะเอื้อเฟื้อนะ นี่งงมาก
ช่างเถิด สุดท้ายเราก็ได้เข้าไป แล้วก็มีชาวสวิตที่ไปด้วยกัน ลุกให้ป๊านั่ง น่ารักจัง
อ่อ เจอน้องคนไทย 2 คน อัธยาศัยดีมาก คุยกันไปจนถึงจุงเฟรา แล้วก็แยกกัน
เริ่มเห็นความหนาวเป็นหย่อม ๆ
เริ่มหล่ะ
แวะเปลี่ยนที่สุดท้ายแบบงง ๆ
ต้องวิ่งไปตามลูกศร เหมือนวิ่งแข่งอ่ะ เพราะรู้ว่า ทัวร์อีก 2 ทัวร์เมื่อกี้ต้องแย่งที่นั่ง
แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
แม้เราจะขึ้นก่อน แต่ก็ถูกไล่เหมือนพวกอพยพหนีเข้าเมือง แล้วแอบขึ้นรถไฟมา
สุดท้ายเรา 4 คน เลยถูกไล่ไปเรื่อย ๆ จนไปถึงตู้หน้าหลังคนขับ ซึ่ง โอ่โถงมาก ชอบ ๆ
ขอบคุณที่ไล่เรา
หนาว ๆ
ระหว่างทาง จะมีแวะให้ปรับตัว 2 จุดจุด ละ 5 นาที
ช่วงนี้ อุปกรณ์กันหนาวทุกอย่างที่เตรียมมาก hot pack ทุกซอง แกะแปะตามตัว เท้า หัว หมด
คือหนาวแล้ว
ดูอากาศด้านนอกสิ
ถึงจุงฟราวแล้วค่า
เริ่มเดินเข้าไปข้างในดีกว่า
คือหนาวมากไปอีก
มีช่วงให้ดูว่าเค้าสร้างทางกันยังไงด้วย
ข่าวร้ายคือ พายุเข้าค่า
ไล่ทุกคนลงหมด โดยรถไฟขบวนสุดท้ายคือ 12.30
เดี๋ยวนะ นี่พึ่งมาถึงเอง
พึ่งเดินถึงด้านบนด้วย
ตอนแรกไม่ค่อยเข้าใจที่เค้าประกาศเท่าไหร่
แต่พอดีเจอกับพนักงานที่ตรงประตูทางจะออกไปด้านนอกตัวตึก
ก็ถามเข้าว่า ฉันได้ยินประกาศ คือต้องออกไปแล้วเหรอ
เจ้าหน้าที่บอก ใช่สิ อากาศแบบนี้ เธอยังอยากจะเที่ยวต่ออีกเหรอ
รถไฟวิ่งไม่ไหวหรอกนะ
ว่าแล้วก็เปิดประตูออกไปให้ดูอากาศข้างนอก โอ้ววว แม่ เจ้าาาาา
คือเหมือนในหนัง ลมแรก หิมะกระจาย ไม่เห็นไรเลย
รีบลงมาสิคะ
ทุกอย่างปิดหมด ร้านค้า คนเริ่มน้อย เหลือแต่พวกจีน เกา ที่ประกาศหากันเอง เพราะคงฟังอิ้งไม่ออก
ตัดสินใจไม่รอขบวนสุดท้าย แต่กลับกับขบวนก่อนสุดท้ายตอน 11.30 ...
มาได้ 1 ชมเอง T_T
ถึงไหนแล้วเนี่ยเรา
ดูวิวกันไปเรื่อย ๆ
จากจุงเฟรา ก็ลงมารอรถที่ Kleine Scheidegg เราเริ่มคิดแล้ว ว่าจะไปเที่ยวไหนต่อดี แต่ปรากฎว่า
ทุกเขาปิดหมด ไม่ให้ขึ้น
รูปขาลง
ดูบนยอดเขานั่นสิ
จากที่นี่ เราเริ่มคิดแล้วว่าจะไปที่ไหนดี
แต่ที่จริง ก็ไม่ต้องคิดหรอกเพราะจาก Kleine Scheidegg เค้าไปส่งให้แต่ที่ Grindelwald อย่างเดียว
เพราะตอนแรกว่าจะไปลงทาง Lauterbrunnen นั้น ไปไม่ได้แล้ว พายุเข้า เช่นเดียวกับทัวร์คนไทย ที่ได้ยินเสียงดังเรื่องจุดนัดรอรถบัส เพราะไม่รู้ว่าจะพาลูกทัวร์ไปทางไหน เพราะรถบัสก็ขับออกมารับไม่ได้
ส่วนเราเหลือที่ ๆ พอจะไปได้คือ Mürren - Gimmelwald
ตอนนี้ก็เปลี่ยนรถไฟไป Mürren กัน
นั่งรถไฟมาถึง Mürren BLM ก็มองหาสถานีกระเช้าขึ้นเขา
มองตามป้าย แล้วเดิน ๆ ขึ้นไป
ที่นี่ ก็งง ๆ อีกเหมือนกัน คือไม่มีเจ้าหน้าที่มาจนกว่าจะใกล้เวลากระเช้าออก
นักท่องเที่ยวเกือบสิบคน ทั้งเอเซียและตะวันตก ก็ยืนจับกลุ่มกันงง ๆ ว่าจะต้องซื้อตั๋วไหม ขึ้นกระเช้าที่ไหน ต่อคิวที่ไหนดูป้ายเวลาที่ไหน
ถามกันไปถามกันมา จนเจ้าหน้าที่เดินมาทุกอย่างก็คลี่คลาย ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่มาตอบคำถามหรอกนะ 55+
เค้ามาแค่ยืนโบกคนให้เข้ามาทีละคน ตรวจตั๋ว ไล่ขึ้นกระเช้า แล้วก็ปิดกระเช้า 5555+
เราใช้สวิตพาส ที่นี่ขึ้นฟรีค่า
วิวระหว่างกระเช้าขึ้น
นักท่องเที่ยวเกือบสิบคน ทั้งเอเซียและตะวันตก ก็ยืนจับกลุ่มกันงง ๆ ว่าจะต้องซื้อตั๋วไหม ขึ้นกระเช้าที่ไหน ต่อคิวที่ไหนดูป้ายเวลาที่ไหน
ถามกันไปถามกันมา จนเจ้าหน้าที่เดินมาทุกอย่างก็คลี่คลาย ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่มาตอบคำถามหรอกนะ 55+
เค้ามาแค่ยืนโบกคนให้เข้ามาทีละคน ตรวจตั๋ว ไล่ขึ้นกระเช้า แล้วก็ปิดกระเช้า 5555+
เราใช้สวิตพาส ที่นี่ขึ้นฟรีค่า
วิวระหว่างกระเช้าขึ้น
ถึงข้างบนแล้ว ^^
จริงๆ ต้องเดินไปอีกเรื่อยๆ ตามแผนที่ แต่คุณพ่อบอกเดินไม่ไหวหรอก งั้นก็ เดินเล่นแค่แถวรถไฟ รอขากลับเลยก็แล้วกัน อีกประมาณครึ่งชั่วโมง ^^
คนสวิตนี้ดีนะ ได้อยู่กับธรรมชาติสวยๆ ทั้งนั้นเลย
เตรียมตัวลง
อีกสักภาพก่อนกลับ
เราไม่ได้เดินลงบันไดนี้นะคะเพราะป๊าเดินไม่ไหว เราเดินอ้อมทางข้าง ๆ
จะเป็นทางลาด ค่อย ๆ ลาดลงมาถึงรถไฟค่ะ
นี่ป๊าอยากได้รูปสวย เลยลงทุนเดินขึ้นบันได..แต่ย้อนแสงค่ะ T_T
เราเดินมาจากทางเดินด้านขวามือ หลังรถไฟนั้นหน่ะค่ะ จะต่อจากตรงที่เราถ่ายรูปกับภูเขาด้านนอก
นั่งรถไฟแล้ว ก็รอขึ้นกระเช้ากลับ
ลงมาถึงด้านล่างแล้วก็นั่งรถไฟกลับ
การเดินทางวันนี้
เดินเขาเยอะ พอกลับมาถึงสถานีรถไฟบ้านเรา Interlaken ost ก็แวะช้อปปิ้งของกินก่อนกลับโรงแรม Youth Hotel ทันที
จะอะไรหล่ะค่ะ ก็มาม่าไง 5555+
คิดดู เกาหลีครองเมือง Interlaken มาก มีแต่มาม่าเกาหลี
อยากกินต้มยำกุ้งอ่า
หมดไปตั้งแต่ 5 วันแรกแล้ว น้ำตาจะไหล
ถ้ามีกระทะนะ จะเอาไปทำกินเลยป๊าบอก เครื่องผักครบมาก
ที่ชั้น 2 ของโรงแรม เป็นที่ให้มากินข้าวกันได้ แต่เหมือนจะเป็นห้องครัวของคนเกาหลีเลย
มีแต่คนเกาหลีจองกันเต็มตลอด นี่โชคดีมาก ที่ตอนเราเข้าไป ไม่มีใครอยู่สักคน
อ่อ ได้ยินมาว่าไม่ใช่แต่โรงแรมเราเท่านั้นที่โดนยึดครอง
โรงแรมอื่น ๆ ก็โดนเกาหลียึดห้องครัวด้วยเหมือนกัน บางแห่ง ทะเลาะกัน
ตีกันแย่งกระทะก็มี เหอะ ๆ อันนี้ฟังจากคนไทยที่เจอกันที่โน้นเล่าให้ฟัง
ห้องนี้มีทีวีด้วย เหอะๆ
ข้อควรปฎิบัติในการใช้ห้องนี้ร่วมกัน
ที่จริง ถ้าเราจะทานข้าวกับทางโรงแรมก็ได้ จ่ายเงินเพิ่ม แล้วก็ไปกินเหมือนกินอาหารเช้า
แต่เราดูแล้ว ไม่ค่อยแนวเท่าไหร่ ผ่านค่า
จากนั้นก็ไปซักผ้ากัน
ซักก็ 5 ปั่นแห้งก็ 5 แพงจุง
คือ ไม่อยากจะบอกว่า แม้จะมีรายละเอียดขนาดนี้ นี่ก็โดนกินเงินค่า T_T ต้องให้เจ้าหน้าที่มากดให้ใหม่
ซักที่สีขาวก่อน จากนั้นไปโดนกินเงินที่สีดำ T_T
ตะกร้าข้างบนนั้น คือ ถ้าเราซักเสร็จแล้ว ไม่มาเอาออก
คนที่จะมาซักต่อไป ก็จะเอาออกมาวางไว้ข้างบนนั้นเอง
เครื่องซักผ้านี่อยู่ด้านล่างตึก ห้องเดียวกับที่ฝากกระเป๋า ก็เลยถ่ายมาให้อ่านกันเล่น ๆ
ซักผ้าเสร็จก็นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น