วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559

Europe Trip Day 6 : Frankfurt -> Paris

วันที่ 6 แล้วที่ใช้ชีวิตอยู่ในเยอรมัน
เริ่มชินอากาศและมีความสุขกับอาหาร
แต่ก็ต้องย้ายประเทศกันอีกแล้ว 
เดี๋ยววันนี้เราจะเดินทางโดยรถไฟ ไปยุโรปกัน
เราจองตั๋วล่วงหน้าไว้เลยคิดว่าน่าจะได้ราคาถูก 
และเนื่องจากเป็นการเดินทางไกล ข้ามประเทศ ก็เลยจองแบบชั้น 1 ให้คุณพ่อได้นั่งสบายหน่อย
แผนการวันนี้จึงแค่ เดินทางไปปารีส แล้วก็เดินเล่นแถวโรงแรม
แต่ความเป็นจริงโหดร้ายกว่านั้นเยอะ 
ไว้จะเล่าให้ฟัง
T_T

ปะไปทาสอาหารเช้ากัน

มือสุดท้ายที่นี่แล้ว เอาให้เต็มที่เลย 55+



บายนะ เป็นโรงแรมที่ดี ทั้งบริการ อาหาร และทำเล สำหรับเรานะ ^_^




ทานข้าว เข้าห้องน้ำ เก็บของ แล้วก็เช็คเอ้าท์ ลากกระเป๋ามาสถานีรถไฟแล้วก็ไปตรวจสอบขบวนรถไฟที่ป้ายประกาศเหมือนทุกที




เชื่อไหมว่าจนวันนี้ ยังรอตรงขบวน ABCD ไม่ถูกชั้น 1 /2 เลย 555+



แอบถ่ายเพราะชอบกระเป๋าป้ามาก ฟรุ้งฟริ้งสุดฤทธิ์อ่ะ



รถเรามาแล้วค่า ^_^
ไม่อยากบอกว่า ขนาดข้อมูลเป๊ะ นี่นั่งผิดโบกี้อยู่ตั้งนาน 5555
แต่รู้สึกเองนะ ไม่ได้มีคนมาไล่ หน้ายังไม่แตกละเอียดเท่าไหร่ 55+


ที่นั่งกว้างขวาง


คุณพ่อนั่งสบายเลย



อาหารกลางวัน









หมายเลขที่นั่งระบุว่ามีการจองไว้แล้วจากสถานีไหนไปไหน

 ที่เก็บกระเป๋า ของเรา 2 ใบล่างค่า


 ไปดูในห้องน้ำกันดีกว่า





ถึงไหนอยู่ไหน วิ่งเร็วแค่ไหนแล้ว ดูหน้าจอได้ตลอดเวลาเลย



วิวระหว่างทาง สวยเนอะ










ถึงแล้วฝรั่งเศสแล้ว




ที่นี่คืองงมาก

พอลงมาจากสถานีรถไฟ ก็มีคนนอกเข้ามารอถึงปากประตูรถไฟแล้ว
ถ้าคนไม่ชินคงน่ากลัว น่าระแวง ประกอบกับเสียงร่ำลือเรื่องการขโมยกระเป๋า
ทำให้เราไม่กล้าแม้แต่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป เพราะกลัวโดนวิ่งราว


เล่าเอาก็แล้วกันนะคะ ^_^
พอออกมาถึง ก็เข้าไปหา Tourist information
ที่นี่ยืนเข้าคิวรอด้านนอก แล้วก็ให้เข้าได้ทีละ 1 คนต่อ 1 พนักงาน
ตอนแรกเราวางแผนไว้คือ นั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานีใกล้ ๆ โรงแรมแล้วเดินไป ก็กะจะไปถามเค้าแค่ว่า
จะซื้อตั๋วรถไฟยังไง ที่ไหน แค่นั้น
แต่เค้าแนะนำให้เราไปรถเมล์แทน เพราะเค้ากลัวว่า
สภาพเราในต้องนี้ แลดูจะเป็นเหยื่อให้กับพวกขโมยของในรถไฟ ซึ่งมีเยอะกว่าในรถเมล์
ซึ่งการนั่งรถเมล์สำหรับเรา ในภายหลังมันคือ นรก ชัด ๆ
ที่นี่ เราแวะซื้อตั๋วดิสนีย์แลนด์มาเลย ซึ่งขอบอกว่าอันนี้เราคิดถูก 
เพราะถ้าไปยืนต่อคิวด้านหน้าอีก เราคงได้เข้าดิสนีย์ตอนเย็น
แล้วที่ไม่ได้ซื้อในเน็ตล่วงหน้าไปก่อน 
เพราะยังไม่แน่ใจตารางว่าร่างกายคุณพ่อ ณ วันเดินทางจะเป็นยังไง

ต่อ ๆ 
หลังจากได้แผนที่ ข้อมูลการเดินทางแล้ว
การเดินทางผิดมหันต์ของเราก็เริ่มขึ้นตั้งแต่การหาป้ายรถเมล์เลยทีเดียว 
ต้องสังเกตเอา ว่าป้ายไหน ขึ้นตรงไหน และน่าจะไปทางไหน แล้วก็ถามคนขับรถตอนประตูเปิด
ข้อดีของการขึ้นรถเมล์คือการได้ดูวิวทั้งเมืองไปในตัว แล้วรถเมล์สายที่เราขึ้น จำไม่ได้แล้วว่าสายอะไร
ก็ผ่านแต่ถนนท่องเที่ยวทั้งนั้น
แต่คือ รถเมล์อ่ะนะ ก็ขับแบบเกือบตายอ่ะ T_T
จนมาถึงสถานีสุดท้าย ซึ่ง..ขอบอกว่า เราลืมซื้อตั๋วรถเมล์มาแต่คนขับรถก็ไม่สนใจเราเลย
ซึ่งก็กลายเป็นขึ้นฟรีนะ แลกกับการเดินไปโรงแรมอีก 1 ชั่วโมงทางเท้า T_T


tourist information บอกว่า สายนี้สุดสายที่หน้าโรงแรมเลย..แม่เอ๋ย หน้ามาก โรงแรมไรค่ะ
คือป้ายสุดท้ายเนี่ยนะ ยังอยู่คนละฝั่งแม่น้ำเลย แล้วคิดไหมว่าเราจะเรียกแท็กซี่หรือนั่งรถต่อ
ไม่ค่ะ
เดินค่า....
งานนี้ ไม่พึ่งใครแล้ว
เดินกันยาว ๆ เกือบชั่วโมง ตั้งแต่ประตูชัยมั้ง ไปหอไอเฟล
คือโรงแรมเราอยู่แถวหอไอเฟล 
ให้ปะป๊านั่งพัก ส่วนเราไปหาโรงแรมต่อ
ที่จริงก็ถามคนแถวนั้นนะ แต่ไม่มีใครรู้จักเลยแม้แต่ตำรวจ
ตำรวจเองก็บอกทางมาแต่คือ อ้อมมมมมมม มากกกกกกกกกกกก
เลยเชื่อสันชาตญาณตัวเอง เดินไปในทิศทางที่คิดว่าใช่ จนเจอ

ประสบการณ์ร้าย ๆ ตอนเช็คอิน และประตูเสียหลังเข้าพักเอาของมีค่าทั้งหมดไว้ในห้อง
แล้วกลับไปหาคุณพ่อ ทำให้ไม่มีมือถืออะไรติดตัวอีก
การบริการของโรงแรมต่อเราที่ประตูห้องเสียก็ห่วยแตก
กว่าจะได้ย้ายห้อง ก็ห้าโมงเย็น
ช่วงเวลาเที่ยวปารีส ตั้งแต่ บ่าย ถึง เย็น หมดไปกับการบริการที่แย่มากของโรงแรม
แต่ พนักงานช่างซ่อมแม่บ้านอะไรแบบนี้น่ารักมาก แต่พวกฟร้อนท์ พวกมีความรู้หน่ะ แย่มาก
แล้วเหมือนว่าจะโดนกันหลายคน เหอะ ๆ ลาทีโรงแรมนี้

MERCURE PARIS CENTRE EIFFEL TOWER HOTEL
http://www.accorhotels.com/gb/hotel-2175-mercure-paris-centre-eiffel-tower-hotel/index.shtml

คิดซะว่าเราคงโชคร้ายหล่ะกัน

ผ่านไป

มารีวิวห้องพักที่เราเป็นคนเลือกเอง จัดการเอง เดินขึ้นลงแก้ไขเหตุการณ์เองเป็นสิบเที่ยว
และหลังจากที่ปล่อยให้เรายืนดูช่างซ่อมประตูพังห้อง 
โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาดูแลเลย













เฮ้ออออ... หมดแรงเที่ยวแล้วเหนื่อย พักแป๊บ
คงแค่เดินไปถ่ายรูปหอไอเฟลอ่ะนะ
เพราะพอให้พ่อดูแผนที่ว่าตอนแรกจะพาไปเดินถนนช้อปปิ้ง ดูประตูชัย 
พ่อบอก ก็งั้นๆ ๆ อ่ะ นั่งรถเมล์ก็ผ่านมาแล้วนิลูก เดินเล่นแถวนี้ก็แล้วกัน 
โอเคค่ะ จัดไป

ถ้าอยากรู้ว่าเมื่อกี้เราเดินไกลขนาดไหน ตอนนี้เรากำลังเดินย้อนทางที่เราลากกระเป๋ามาค่ะ 55+
คือเกลียดสุดคือบันได และทางที่ปูด้วยก้อนหิน T_T
เที่ยวได้ ^_^

เป็นภาพแรกที่ถ่ายหน้าโรงแรมเลยค่ะ
อ่อ ถ้าเข้าพักที่โรงแรมนี้ ไม่มีทางเห็นหอไอเฟลจากที่พักเลยนะคะ ไม่ว่าพักห้องไหน
เพราะเท่าที่ดู จะโดนโรงแรมข้างหน้าบังหมด
รู้งี้พักโรงแรมติด ๆ กันอีกว่า
ที่เลือกโรงแรมนี้เพราะคิดว่า ว่าจะดีกว่าหน่ะค่ะ
แต่คิดผิดมหันต์เลย บริการก็แย่ ห้องพักก็เก่า ไม่ค่อยมีอะไรให้ประทับใจเลยค่า
อ่ะ ผ่านไปค่ะผ่านไป 555+




ขนาดความกว้างแม่น้ำ ที่เราต้องฝ่าฟันและเดินไปเมื่อช่วงแรก


ที่ไหน ๆ ก็มีนะ ป่ะ จะไปทำที่สะพานนวรัฐ 555+



เมื่อเช้าเราเดินลากกกระเป๋ามาจากตรงกลางระหว่าง 2 ตึกนั้นค่า T_T





พี่จีน..มีทุกที่ 55+



พ่อต่อได้ถูกกว่านั้นอีก 5555+


คึก ๆ ๆ นี่แหระ คือแรงใจในยามยาก โอปปปปป้า ^_^


หาอะไรกินหน่อยดีกว่า



สั่งอันนี้แหระ สั่งแล้วก็ไปเดินเล่นแป๊บหนึ่ง ให้เค้าเวฟเสร็จ แล้วค่อยกลับมาเอา


มีขายเต็มไปหมด พอตำรวจมาก็หอบผ้าหนี 55+


จริงๆ ก็ไม่ควรถ่ายนะ แต่แบบอยากให้โลกรู้ว่าที่นี่เค้าแบบเอ่อ..
ดำเนินกิจการเพื่อการอยู่รอดของสายพันธุ์มนุษย์กันกลางแจ้งนะ
ไม่ใช่แค่ภายนอก แต่ล้วงกัน แล้วก็ .. กันเลยอ่า สุดยอด


เดินไปเรื่อย ๆ ดีกว่า





วนมาอีกฝั่งของหอไอเฟลหล่ะ


เดินไปมาแล้วหิวอีกแล้ว หาอะไรกินดีกว่า





ที่นี่จะมีคนผิวขาวส่วนหนึ่ง ที่หากินกับนักท่องเที่ยวโดยการเล่นพนัน แบบเอาเงินใส่ในแก้ว 
หมุนไปมา แล้วเปิดออก ถ้าเจอเงิน นักท่องเที่ยวก็ได้ไป ถ้าไม่เจอ เงินเป็นของเจ้ามือ

มีเยอะมาก เราก็ไปส่อง ๆ ดู คนนิโกธที่ขายของแถวนั้นก็จะมองหน้าเรา แล้วก็ส่ายหัว
บอกเราเป็นเชิงอย่าไปเล่น 
หน้าเราคงอินโนเซ้นท์มากนะเนี่ย ไปไหนก็มีแต่คนเป็นห่วง ^_^
ค่า...ไม่เล่นหรอก  เสียดายเงิน

หลังจากกินขนมร้านนี้เสร็จก็เดินกลับโรงแรมนอนค่า





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น